« เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 10:20:12 PM » | |
พระผงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์
โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์
ชื่อว่า “ศิษย์” ย่อมต้องมี “ครู” ด้วยกันทั้งนั้น บ้างก็ครูดัง ศิษย์ดับ บ้างก็ครูดังศิษย์ดัง อย่างเช่น พระเดชพระคุณพระราชวุฒาจารย์ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ผู้เป็นครูดี และหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ผู้เป็นศิษย์ดัง
ก็ ใช่ว่าจะมีเพียงสำนักวัดป่าเท่านั้น ที่ถึงพร้อมด้วยพระสุปฏิบัติเช่นนี้ จังหวัดภาคกลางของเราก็ยังมีผู้สืบเชื้อสายของความดีอยู่มากเอ่ยชื่อ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม ใคร ๆ ก็รู้จัก แต่มีผู้ศรัทธาคิดจะหาเหรียญของท่านละก็ต้องคิดหนัก เพราะของปลอมมีมากกว่าของจริงเสียอีก อย่าเพิ่งน้อยใจในวาสนาเลยครับ ด้วยพระเครื่องที่ดีมีพุทธคุณสูงยังพอหาได้อยู่ แม้จะเป็นชั้นศิษย์ แต่ผมเชื่อว่าไม่น้อยหน้าครูแน่นอน
ท่านผู้นี้คือ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก เมืองกรุงเก่านั่นเอง ท่านเป็นศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาหลาย ๆ อย่างจากหลวงพ่อกลั่น ผู้เป็นอุปัชฌาย์ แต่น่าประหลาดอยู่อย่างว่าหลวงพ่อกลั่น กลับไม่ยอมสอนการเจริญภาวนาให้ตรง ๆ คงบอกเพียงว่าให้ท่านภาวนา พุทโธ ไป เรื่อย ๆ เบื้องแรกก็ไม่มีใครเข้าใจว่าเพราะอะไร ครั้นมาภายหลังจึงทราบว่า หลวงปู่ดู่ ได้ค้นพบองค์ภาวนาด้วยจิตใจของท่านเอง โดยท่านใช้ “ไตรสรณาคมน์” เป็นคำบริกรรม นี้จะแสดงถึง “อนาคตังสญาณ” โดยหลวงพ่อกลั่นใช่หรือไม่ คงต้องขอให้ท่านพิจารณาเอง
หลวง ปู่ดู่ได้เริ่มสร้างพระ รวมถึงวัตถุมงคลในแบบต่าง ๆ มานานมากพอจะสืบได้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2484 เรื่อยมา พระเครื่องและวัตถุมงคลของท่านจึงมีมากมายหลายหลาก เมื่อศิษย์เรียนถามท่านว่า ทำไมท่านสร้างพระเยอะมาก ท่านตอบว่า “จิตใจเราจะได้อยู่กับพระ ดีกว่าสวดมนต์ทิ้งไปเปล่าๆ” ซึ่งเรื่องผูกใจให้อยู่กับพระนั้นท่านจะเน้นมาก ถึงขนาดเปิดไฟฟ้าใช้ ท่านก็ให้ภาวนาว่า “โอม อัคคีไฟ พุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา” ท่านย้ำ “แค่นี้ก็ได้บุญแล้ว”
ฟังแล้วทึ่งซะไม่มี
ผม จะไม่พูดถึงพระทั่ว ๆ ไปของท่านหรอกครับ เพราะไม่ใช่ของแปลก แต่ที่แปลกก็คือ พระผงที่ท่านพิมพ์เอง สร้างเองกับมือท่าน ซึ่งในวงการอาจไม่ใคร่นิยมนัก เพราะเป็นพระเนื้อปูนผสมผงเสียส่วนใหญ่ ศัพท์เซียนเขาว่า “ส่องแล้วไม่ซึ้ง” ว่างั้นเถอะ แต่พูดถึงประสบการณ์ละก็ คนที่เจอ “ซึ้ง” มานักต่อนักแล้ว
พระ ปูนของท่านที่ธรรมดาก็ธรรมดา ส่วนที่ไม่ธรรมดาจะปรากฏผลึกสีขาวขุ่นบ้าง สีขาวใสบ้าง จับเกาะอยู่ตามองค์พระทั่วไปโดยไม่เลือกพิมพ์ สานุศิษย์ที่ได้รับต่างก็แปลกใจกันถ้วนทั่ว เอ! อะไรหว่า ? ลุงผมซึ่งเคยบวชอยู่กับท่านยังเคยนึกค่อนอยู่ในใจ “เออ! หลวงลุงดู่เอากากเพชรมาโรยพระทำไม ยังกับยี่เก” หลายคนที่เคยถามได้รับคำตอบเดียวกันจากท่านว่าเป็น “พระธรรมธาตุ” คือพระธาตุหรือ? ท่านตอบ “ไม่ใช่” แต่ท่านก็มิได้อธิบายอะไร ๆ ให้ฟัง
พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เนื้อปูน เกิด "พระธรรมธาตุ"
ด้านหน้า / ด้านข้าง
พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เนื้อปูน
ด้านหลัง
ร้อน ถึงศิษย์ผู้มีภูมิรู้หลายท่านได้อรรถาอธิบายว่า “พระผงของท่านนั้นมิได้มีแต่ผงต่าง ๆ หากท่านยังผสมด้วยเส้นเกศาของท่านไว้เป็นจำนวนมากในทุก ๆ ครั้งที่มีการสร้างพระ เพราะเส้นเกศานั้นเองที่มีพลังงานบริสุทธิ์จากองค์ท่านเป็นอย่างสูงประจุ อยู่ในพลังงานนั้นก็ยังมี “เตโชธาตุ” (ธาตุไฟ) รวมอยู่ด้วยครั้นผสมกันไปได้ระยะเวลาหนึ่ง “ซิลิกอน” ซึ่งมีอยู่ในปูนก็ได้ถูกพลังงานความร้อน (ที่มีสภาวะเป็นทิพย์) ในเส้นเกศาของท่านเหนี่ยวนำให้ “ซิลิกอน” เกิดการควบแน่นและตกผลึกขึ้น จากนั้นก็จะค่อย ๆ ผุดขึ้นจากองค์พระมาเป็น “พระธรรมธาตุ” ดังที่เราเห็นกันอยู่ และนี่คือที่มา”
ผม ฟังศิษย์ท่านนั้นแล้วก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักเพราะเป็นเหตุเป็นผลที่ดี และน่าเชื่อถือได้มาก ก็เอาเป็นว่าใครที่ยังหาข้อยุติไม่ได้จงอย่าไปหาเลยปวดหัวเปล่า แต่ที่แน่ ๆ พระที่มีพระธรรมธาตุเป็นที่ต้องการอย่างสูงของบรรดาศิษย์ทั้งหลายทั้งปวง
ความ แปลกของพระเครื่องหลวงปู่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น องค์ที่ไม่มีพระธรรมธาตุจะทำให้เกิดมีขึ้นก็ได้ องค์ที่มีอยู่แล้วกลับหายไปหมดก็เคยปรากฏ อยากให้มีก็สวดมนต์ไหว้พระและภาวนามาก ๆ ก็จะ “ผุด” ขึ้นมาเป็นกำลังใจสำหรับคนทำจริง แต่มากน้อยเท่าไรนั้นผมขอโยนกลองให้เป็นเรื่องของ “บารมี” ก็แล้วกัน ส่วนที่จะทำให้หายก็ไม่ยาก นำพระเข้าอาบ อบ นวด ไนต์คลับบ่อย ๆ ก็จะเหลือแต่พระเปล่า ๆ ไปเอง ถึงขนาดนี้แล้วเรียกว่า "แปลก" ได้ไหมครับ
สำหรับ พระผงของหลวงปู่นั้น องค์ใดที่ไม่มีตรายางเป็นรูปตัว “พ” อยู่ในกงจักรละก็ หมายถึง พระนั้นเจ้าของได้รับจากท่านตั้งแต่สมัยท่านยังทรงสังขารอยู่ แต่ ถ้าองค์ใดถูกประทับอยู่ด้วยตรายางหมึกสีดำ หรือหมึกสีน้ำเงินละก็นั้นคือพระที่นำออกจากกุฏิของท่านภายหลังจากที่ ท่านมรณภาพแล้ว แต่ก็เป็นพระที่ท่านได้อธิษฐานจิตไว้โดยองค์ท่านเอง
ทว่า ของปลอมผู้ไม่เคยยอมพ่ายแพ้ของจริง ก็พากันโผล่ผุดประดุจผีลุกจากหลุมมาหลอนหลอกเอากับผู้ที่ไม่ประสีประสาในพระ ท่านกันอย่างบันเทิงกระบะ จึงจำเป็นต้องชี้แจงพอเป็นแนวทางสำหรับผู้ไม่รู้ไว้ก่อน พอให้เอาตัวรอดบ้าง ส่วนผู้ที่จะแจ้งในเชิงพระของหลวงปู่ ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย หากจะมีข้อผิดพลาดไป
ด้วยเหตุที่พระของหลวงปู่มีส่วน ผสมเป็นปูนเสียมากนักปลอมแปลงจึงทำกันได้ อย่างง่ายดายไม่ยุ่งยาก เพียงทำบล็อกแล้วเทปูนใส่ก็จบเรื่อง แต่ถ้าพิจารณาให้ดีจะพบว่าพิมพ์ทรงของปลอมนั้นจะเบลอ ๆ ไม่คมชัด ยิ่งเป็นพิมพ์พระพรหมแล้วไม่ว่าจะเป็น หน้าตา, แขน, ขา,คันศร หรือตัวอักขระ “นะปิดล้อม” ที่อยู่รอบ ๆ องค์พรหมล้วนเบลอจนแยกแยะได้ไม่ยากเย็น สำหรับมือปลอมชั้นนำที่ได้มีการทำบล็อกขึ้นใหม่แม้จะคมชัดดุจโทรทัศน์สี แต่ก็จะเห็นได้ว่าทั้งแขนและขาของพระพรหมปลอมดูอวบอ้วนกว่าของจริงมาก ในขณะที่ของจริงจะเรียวงามสมส่วน
ทางด้านเนื้อพระผงของจริงนั้นส่วน มากจะดูฟู ๆ คล้ายพระของหลวงปู่โต๊ะอยู่ไม่น้อยอันเนื่องมาจากท่านได้นำพระไปแช่น้ำมนต์ หรือแช่น้ำชาเสกนั่นเอง ถ้าท่านส่องดูด้วยกล้องส่องพระก็ยิ่งจะเห็นความงามซึ้งข้อนี้ได้ชัดเจน และยังจะพบมวลสารต่าง ๆ เป็นจุดดำและเกล็ดสีทองกระจายอยู่ทั่วองค์พระ(เว้นแต่ด้านหลัง บางองค์ก็ปรากฏมีสีเขียวอมเหลืองประปรายไปทั่วด้านหน้าด้านหลัง หลายคนที่ได้ร้องกรี๊ดกร๊าดหาว่า “พระขึ้นรา”
โธ่! เวรกรรมท่านผสมผงตะไบพระกริ่งลงไปต่างหาก สนิมจากผงตะไบก็เลยเป็นเหตุให้พระมีวรรณะดังนั้น ที่ นี้เนื้อพระของปลอมไม่เป็นเนื้ออย่างนี้ละสิ แต่เนื้อจะดูด้าน ๆ แข็ง ๆ ยิ่งถ้าส่องกล้องก็จะเห็นชัดว่า ในเนื้อพระไม่มีมวลสารมงคลแทรกซึมอยู่เลย คงมีเพียงปูนขาวล้วน ๆ ชนิดไร้ยางอาย พระประเภทนี้ดูง่ายนัก ทว่ามือโปรก็มีอีกแหละ ใส่ผงมหาชุ่ยอะไรก็ไม่รู้ลงไปตอนผสมพระก็พอกล้อมแกล้มหลอกคนรีบร้อนเช่าไป ได้บ้างหรอก แต่สำหรับคนขี้ระแวง(อาจเพราะเงินหายาก)จะส่องแล้วส่องอีกจนเอะใจแล้วก็ “ปล่อยวาง” บางคนก็ร้ายหนักถึงกับผสมกากเพชรลงไปด้วยเพื่อให้ดูคล้าย
“พระธรรมธาตุ” อันจะทำให้มีราคาสูง
ทั้ง นี้ทั้งนั้น ไม่ว่านักปลอมจะปลอมอย่างไร ก็ขอเรียนให้ท่านผู้ศรัทธาทราบไว้เลยว่า ไม่เหมือน ทำอย่างไรก็ไม่เหมือน ถ้าท่านมีของแท้อยู่ในมือสักองค์หรือเคยพิจารณาของแท้อย่างถี่ถ้วนมาก่อนละ ก็ ท่านจะดูพระหลวงปู่ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย โดยเฉพาะองค์ที่ขึ้นพระธรรมธาตุนั้น ไม่มีใครสามารถจะทำให้เหมือนหรือทำให้เกิดขึ้นได้ เพราะเป็นบารมีเฉพาะองค์หลวงปู่ท่าน ดังนั้นพระที่ขึ้นพระธรรมธาตุไม่ว่าจะพิมพ์ทรงใดก็ตามย่อมเป็นของแท้แน่นอน
ถึง ตรงนี้คงพอจะทราบแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมองค์ที่มีพระธรรมธาตุจึงมีค่าสูง กว่าองค์ที่ไม่มี ก็นอกจากจะแสดงถึงบารมีอันเปี่ยมล้นในองค์พระแล้ว ยัง เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าแท้ให้ผู้รู้สบายใจ แต่ก็หายากอยู่สักหน่อยนะครับ วันนี้ก็ดูรูปเป็นครูไปก่อนแล้วกัน ใครที่เริ่มเสาะหาผมขออวยพรให้โชคดี พบกันฉบับหน้าครับ
บทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2539
ที่มา - กระดานสนทนา NAVARAHT "นวรัตน์ดอทคอม" • แสดงกระทู้ - พระผงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น