จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

การบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ แก้เคราะห์ เสริมดวง

แก้เคราะห์ เสริมดวง


มีหลายท่านมาถามผมว่า
การกราบพระเจดีย์ใหญ่ๆๆที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ หรือว่า พระพุทธรูปโบราณคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้แต่รอยพระพุทธบาทของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น

ทำได้อย่างไร แล้วมีอานิสงส์อย่างไร

ผมจึงขอเล่าให้ฟังเรื่องนี้หลวงปู่จันทา ถาวโรประธานสงฆ์ วัดป่าเขาน้อย พิจิตร
ท่านบอกว่าการกราบไหว้บูชาพระบรมธาตุเจดีย์ รอยพระพุทธบาท หรือพระพุทธรูปโบราณนั้นเป็นการเคารพในพุทธบารมีพระพุทธเจ้าและเป็นพุทธานุ สสติสามารถเอาพระพุทธบารมีเป็นที่พึ่งได้ หากกระทำการให้ถูกต้องและที่สำคัญในการกราบที่ถูกต้องจะต้องมีการอัญชลีประ ทักษิณาวรรตตามแบบโบราณ

หากใครทำได้ก็สามารถเอาพระพุทธบารมีนี้ทำให้พ้นเครา ห์ได้ครับ เรื่องนี้เรื่องจริง คราวที่คุณพ่อผม โดนผู้มีอิทธิพลทางการเมืองตั้งกรรมการสอบสวน ท่านบอกว่าทุกข์ใจมาก ไปกราบหลวงปู่จันทา ท่านก็แนะนำวิธีการประทักษิณาวรรตให้ไปกราบหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวงและกระทำประทักษิณาวรรตถวายเป็นพุทธบูชา

ปรากฏว่าต่อมาผู้มีอิทธิพลได้ค่อยๆๆเสื่อมอำนาจจนคุณพ่อผมถูกตัดสินว่า บริสุทธิ์ ได้กลับไปกราบแทบเท้าหลวงปู่จันทาอีกครั้ง หลวงปู่จันทาบอกว่าท่านไม่ได้ช่วยอะไร ที่ช่วยคือพุทธบารมีของพระพุทธเจ้า เพราะคุณพ่อผมไปกระทำประทักษิณาวรรตรอบพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอันเป็นการ ขอพึ่งพระพุทธบารมี

หลวงปู่บอกว่าผู้ใดเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งก็ย่อมพ้นภัยดังนั้นแหล่ะน้อ
ดังคำว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ แปลว่าข้าพเจ้าขอยึดเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะเป็นที่พึ่งที่ระลึกกำจัดภัยได้ จริง นี่เป็นประสบการณืที่ปฏิบัติแล้วเห็นผลจริงจึงขอนำมาลงให้อ่านกันครับ และเพื่อเป็นการเผยแพร่ตามเจตนารมย์หลวงปู่จันทาด้วยครับ


วิธีการไหว้และประทักษิณาวรรต(เวียนสามรอบ) พระบรมธาตุเจดีย์ พระพุทธรูป หรือรอยพระพุทธบาท
มีดังนี้ครับ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ (3 จบ)
อะหัง วันทามิ ธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง เอวัง ธาตุโย จัตตารี สะสะมา
ทันต เกสา โลมา นะขา ขีจะ อะหัง วันทามิ ธาตุโย
ข้าพเจ้า ขอน้อมนมัสการ พระบรมสารีริกธาตุ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวกทั้งหลาย


ส่วน คาถาที่ใช้กระทำการเดินเวียนเทียนสามรอบของสำนักอื่นไม่ทราบจริงๆครับแต่มี ที่ หลวงปู่จันทา ถาวโร ได้แนะนำคุณพ่อผมไว้มีวิธีดังนี้ครับ

ก่อนเดินเวียนให้ตั้งใจกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยดังนี้
อิมินา สักกาเรนะ พุธ์ธัง อภิปูชยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อภิปูชยามิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อภิปูชยามิ

ต่อจากนั้นก็ให้กล่าวคาถาบูชาพระรัตนตรัยต่อไป คือ
พุทธปูชา มหาเตชวันโต
ธัมมปูชา มหาปัญญวันโต
สังฆปูชา มหาโภควโห ติโลกนาถัง อภิปูเชมิ


จากนั้นพึงนั่งประณมมือ ตั้งใจยึดถือเอกพระรัตนตรัยเป็นสรณ ไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งไปกว่าจนตลอดชีวิตแล้วว่า
พระไตรสรณคม คือ
พุท์ธังสรณังคัจฉามิ
ธัมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ

ทุติยัมปิพุท์ธังสรณังคัจฉามิ
ทุติยัมปิธัมมังสรณังคัจฉามิ
ทุติยัมปิสังฆังสรณังคัจฉามิ

ตติยัมปิพุท์ธังสรณังคัจฉามิ
ตติยัมปิธัมมังสรณังคัจฉามิ
ตติยัมปิสังฆังสรณังคัจฉามิ

เมื่อจบพระไตรสรณคมแล้วพึงสวดคาถาพระพุทธคุณต่อไป คือ
อิติปิโสภควา อรหังสัมมาสัมพุท์โธ วิช์ชาจรณสัมปันโน สุคโตโลกวิทู อนุต์ตโร ปุริสทัมมสารถิ สัตถา เทวมนุส์สานัง พุทโธภควาติ

เมื่อ สวดพระพุทธคุณจบแล้วให้เหนี่ยวโน้มใจระลึกถึงพระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระกรุณาคุณของพระพุทธเจ้าจนเห็นแจ่มแจ้งชัดดังที่ระลึกนั้น แล้วจึงว่า
พุท์ธัง ภควันตัง อภิวาเทมิ

เสร็จแล้วกราบลงหนนึง
ให้เงยหน้าขึ้นนั่งตรงในท่าเดิมว่าคาถาพระธัมคุณ คือ
สวาก์ขาโต ภควตาธัมโม สันทิฏ์ฐิโกอกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปนยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญ์ญูฮีติ
แล้วพึงให้เหนี่ยวโน้มใจให้ระลึกถึงคุณพระปริยัติธรรม พระปฏิบัติธรรม พระปฏิเวธธรรม จนเห็นแน่ชัด ตามที่ระลึกนั้น จากนั้นพึงให้ว่า
ธัมมัง นมัสสามิ
เสร็จแล้วกราบลงหนนึง

เงยหน้านั่งตรงในท่าเดิม ว่าคาถาพระสังฆคุณ คือ
สุ ปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ อุชุปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ ญายปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ สามีจิปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ ยทิทัง จุตตาริ ปุริสยุคานิ
อัฏฐปุริสปุคคลา เอสภควโต สาวกสังโฆ อาหุเนย์โย ปาหุเนย์โย ทักขิเนย์โย อัญชลีกรณีโย อนุต์ตรัง ปุญญักเขต์ตัง โลกัสสาติ
แล้ว พึงให้เหนี่ยวโน้มระลึกถึงพระสังฆคุณ คือความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติควร ของพระอริยสงฆ์ จนเห็นแจ่มแจ้งชัดแล้วตามที่ระลึกนั้น จากนั้นพึงให้ว่า
สังฆัง นมามิ

เสร็จแล้วกราบลงหนนึง

แล้วอธิษฐานขอกระทำประทักษิณเวียนสามรอบ(พระบรมสารีริกธาตุ พระเจดีย์หรือ พระพุทธรูปสำคัญ)
รอบที่1ให้ภาวนาว่า
พุทโธ

รอบที่2ให้ภาวนาว่า
สัมมาอะระหัง

รอบที่3ให้ภาวนาว่า
พุทโธ กรรมฐาโม กรรมจุติ สัมพุทโธ

เมื่อ เสร็จแล้วจึงกลับมายังหน้าพระบรมธาตุเจดีย์ที่จุดเดิมที่เริ่มเดิน หรือหน้าพระพุทธรูป หรือรอยพระพุทธบาท แล้วจึงกราบขอพรดังปรารถนาดังนี้
อุกาสะ อุกาสะ อุกาสะ ด้วยอานิสงส์ที่ข้าพเจ้าได้กระทำประทักษิณาวรรตถวายเป็นพุทธบูชานี้ (ขอตามปรารถนา )
****************
ชี้แจง มีหลายท่านถามมาว่า ทำไมเดินจงกรม
รอบที่1 คำว่า พุทโธ อันนี้หลวงปู่จันทาท่านว่า ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นคำบริกรรมในสายพระป่า
รอบ ที่2 สัมมา อะระหัง หลวงปู่บอกว่าคำภาวนานี้แรงมาก สามารถกำจัดเคราะห์และมารภัยทั้งหลายได้เป็นอย่างดี แม้กระทั่งครูบาเหนือชัย(พระขี่ม้า)ท่านก็ถอนยาสังด้วย สัมมาอะระหัง เช่นกัน
รอบที่ 3 คำว่า พุทโธ กรรมฐาโม กรรมจุติ สัมพุทโธ คาถานี้เป็นคำบริกรรมในสายหลวงพ่อเงิน บางคลาน ซึ่งตามประวัติหลวงพ่อเงิน บางคลานท่านก็ได้พัดยศด้านพระวิปัสนาจารย์ จาก สมเด็จมหาสมณเจ้ากรมพระวชิรญาณวโรรส เมื่อคราวมาเรียนกรรมฐานที่พิจิตร หลวงปู่ขวัญ ปวโร วัดบ้านไร่ ท่านมอบถวายหลวงปู่จันทาในฐานะสหายธรรม (เห็นได้ว่าพระสงฆ์ไม่มีแบ่งนิกายกันอยู่ต่างนิกายก็เป็นสหายธรรมได้)

หลวงปู่จันทาท่านว่าคำบริกรรมนี้ดีมากแปลก็ดีเลยอรรถาธิบายให้คุณพ่อผมได้ เข้าใจ ท่านจดมาดังนี้ คำนี้หมายถึง เมื่อเอา พระพุทโธคือ พระพุทธเจ้าเป็นกรรมฐาน ก็ขอให้กรรมใดล้วนอโหสิกรรม (คือคำว่ากรรมจุติ ,จุติแปลว่าตาย)หรือระงับการจองเวรกัน ด้วยบารมีพระพุทธเจ้า คือพระสัมพุทโธ จึงรวมกันว่า พุทโธกรรมฐาโม กรรมจุติ สัมพุทโธ เป็นคำบริกรรมสายหลวงพ่อเงินบางคลาน ที่มีที่มาคำแปลลึกซึ้งครับ ก็นำมาเล่าให้ทุกท่านที่สงสัยกันครับ

hฟฟp://www.buddhakhun.org/main//index.php?topic=2527.msg6400#msg6400