จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

ขั้นตอนการสวดคาถามหาจักรพรรดิเพื่อปรับฮวงจุ้ย

ขั้นตอนการสวดคาถามหาจักรพรรดิเพื่อปรับฮวงจุ้ย
1. สวดบูชาพระรัตนตรัย ( นะโมตัสสะ 3 ครั้ง ) “ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ”

2. สวดบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ดังนี้
“ พุทธัง ชีวิตัง เมปูเชมิ ( ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธเจ้า ด้วยชีวิต )
ธัมมัง ชีวิตัง เมปูเชมิ ( ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรมเจ้า ด้วยชีวิต )
สังฆัง ชีวิตัง เมปูเชมิ ( ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์เจ้า ด้วยชีวิต ) ”

3. กราบพระ 6 ครั้ง ดังนี้
“ พุทธัง วันทามิ
ธัมมัง วันทามิ
สังฆัง วันทามิ
อุปัชฌาอาจาริยคุณัง วันทามิ ( สำหรับผู้ชายสวด )
คุณครูบาอาจารย์ วันทามิ ( สำหรับผู้หญิงสวด )
มาตาปิตุคุณัง วันทามิ
พระไตรสิกขาคุณัง วันทามิ ”

4. สมาทานศีล 5
4.1 “นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ( 3 ครั้ง )
4.2 พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตติยัมปิธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ”
4.3 ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สมาธิยามิ
อทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สมาธิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สมาธิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สมาธิยามิ
สุราเมระยะมัชชะ ปะมา ทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สมาธิยามิ
4.4 อิมานิ ปัญจะ สิกขา ปะทานิ สมาธิยามิ ( 3 ครั้ง )
สีเลนะ สุคะติงยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา
สีเลนะ นิพพุตติงยันติ ตัสสะมา สีลัง วิโส ธะเย ”

5. ผู้สวดคาถามหาจักรพรรดิเพื่อปรับฮวงจุ้ยนั่งอยู่หน้าพระบูชาของหลวงปู่ดู่ หรือกำลูกแก้วมหาจักรพรรดิ ( ลูกแก้วมณีนพรัตน์ )หรือพระเครื่อง หรือเครื่องรางอย่างอื่นของหลวงปู่ดู่ไว้ในมือ ( ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ) ถ้าเป็นรูปพระพุทธให้หันรูปเข้าหาตัวผู้สวดและให้เศียรของพระขึ้นข้างบน ทำจิตใจให้ตั้งมั่นและผ่องใส

ก่อนที่จะเริ่มลงมือสวดให้นึกภาพในใจอย่าง ชัดเจนว่า เรากำลังขอความเมตตาจากหลวงปู่ดู่ให้ชักนำบารมีรวมของพระมหาจักรพรรดิ( พลังงานจักรพรรดิ ) บารมีรวมของพระโพธิสัตว์ ผ่านบารมีรวมของพระศรีอริยะเมตไตรย ผ่านบารมีรวมของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ผ่านบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ ครอบเป็นวิมานแก้ว ( บุษบก )ที่ตัวของผู้สวด จากนั้นชักนำพลังงานจักรพรรดิที่สถิตที่ร่างกายผู้สวด ไปครอบเป็นวิมานที่บ้าน ที่ทำงาน หรือสถานที่ที่ต้องการปรับภพภูมิ ( ฮวงจุ้ย )

แล้วกล่าวคำอธิษฐานดังนี้
“ ลูกขออาราธนาพระบารมีแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดทั้งมวล ตั้งแต่องค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ จนถึงองค์บรมมหาจักรพรรดิปัจจุบันทุกๆพระองค์ พระบารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรม และอริยสงฆ์ทุกชั้นภูมิ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยบารมีรวมของหลวงปู่ทวด และหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด
ขอหลวงปู่ดู่ได้มีพระเมตตา
5.1 ถ้ากำลูกแก้ว มณีนพรัตน์ ก็กล่าวว่า “ ขอให้ลูกแก้วมณีนพรัตน์นี้เป็นดวงแก้วมหาจักรพรรดิ ปรับภพภูมิแต่งเมือง ขอพระฉัพพรรณรังสีแห่งพระรัตนตรัยทั้งหมดทั้งมวล จงแผ่จากดวงแก้วมณีนี้ไปในพื้นที่ ครอบวิมานแก้ว ให้กับ ( บ้านของ........... หรือ สถานที่ทำงานของ........... ) ให้แก่เหล่าดวงจิต ดวงวิญญาณทั้งหลาย ขอให้กระแสพระบารมีจงเชื่อมมายังดวงแก้วนี้จงครอบวิมานแก้วปรับภพภูมิและดวง วิญญาณในสถานที่นี้ด้วยเทอญ ”

5.2 ถ้ากำพระเครื่องหรือเครื่องรางอย่างอื่นของหลวงปู่ดู่ ก็กล่าวว่า “ ให้ ( ชื่อพระเครื่องหรือ
เครื่องราง ) นี้เป็นดวงแก้วมหาจักรพรรดิ ปรับภพภูมิแต่งเมือง ขอพระฉัพพรรณรังสีแห่งพระรัตนตรัย.................... ปรับภพภูมิและดวงวิญญาณในสถานที่นี้ด้วยเทอญ ”
6. สวดคาถาบูชาหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดและหลวงปู่ดู่ ดังนี้
“ นะโม โพธิสัตโต พรหมปํญโญ อาคันติมายะ อิติ ภควา ”
“ ขอนอบน้อมบูชาแด่องค์พระศรีอาริเมตไตรยบรมโพธิสัตว์ ผู้แบ่งภาคมาโปรดสัตว์ยังโลกมนุษย์ ขอจงเกิดความสำเร็จทุกประการเทอญ ”

7. สวดคาถามหาจักรพรรดิ ตามกำลังวัน หรือถ้ามีเวลาก็สวด 108 จบ โดย
7.1 วันจันทร์ สวด 15 จบ
7.2 วันอังคาร สวด 8 จบ
7.3 วันพุธกลางวัน สวด 17 จบ
7.4 วันพุธกลางคืน สวด 12 จบ
7.5 วันพฤหัสบดี สวด 19 จบ
7.6 วันศุกร์ สวด 21 จบ
7.7 วันเสาร์ สวด 10 จบ
7.8 วันอาทิตย์ สวด 6 จบ

8. เมื่อสวดคาถาเสร็จแล้ว ให้นึกภาพตามข้อ 5 ซ้ำอีกครั้งให้ชัดเจน แล้วจึงสวดบทสัพเพเพื่ออาราธนาพลังจักรพรรดิเข้าตัวเราแล้วนำไปครอบวิมานใน ที่ที่ต้องการ

“ สัพเพ พุทธา สัพเพ ธัมมามสัพเพ สังฆา
พะลัปปัตตา ปัจเจกายัง จะยังพะลัง
อะหันตานัญ จะเตเชนะรักขัง
พันธามิสัพพะโส
( ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบาๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัวผู้สวด จินตนาการว่ามีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างครอบเป็นวิมานแก้วที่ตัวผู้สวด จากนั้นให้แสงนั้นส่งผ่านต่อไปครอบเป็นวิมานแก้วในสถานที่ที่ต้องการปรับภพ ภูมิ และดวงวิญญาณในสถานที่นั้นๆ )
พุทธังอธิษฐามิ ธัมมังอธิษฐามิ สังฆังอธิษฐามิ ”

9. จากนั้นจึงแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล
“ พุทธัง อะนันตัง ธัมมัง จักวาลัง สังฆัง นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ”
( ผลบุญของข้าพเจ้าที่ได้กระทำมาแล้วในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ขอปวงสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เวียนว่าย ตาย เกิด ในสังสารวัฏ จงมีส่วนได้รับผลบุญของข้าพเจ้าเทอญ )

10. หมายเหตุ ถ้าผู้สวดมีเวลาน้อยก็อาจลดขั้นตอนการปฏิบัติ โดยตัดข้อ 2., 3.และ 4 แล้วทำตามข้อที่เหลือ

หนังสืออ้างอิง
1. กายสิทธ์ จัดพิมพ์โดยสำนักสงฆ์พุทธพรหมปัญโญ ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
2. ไตรรัตน์ เล่ม 1 , 2 , และ 3 จัดพิมพ์โดยคณะศิษยานุศิษย์
3. “ไตรรัตนญาณ โดยพระวรงคต วิริยะธโร ( หลวงตาม้า ) วัดพุทธพรหมปัญโญ ( วัดถ้ำเมืองนะ ) ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว
จังหวัดเชียงใหม่ เรียบเรียงโดย
ยุทธภูมิ อุพลเถียร
ที่มา http://www.awayfurniture.com/

ฝอยการใช้พระขรรค์จักรพรรดิ

ฝอยการใช้พระขรรค์จักรพรรดิ

ฝอยการ ใช้พระขรรค์จักรพรรดิ ผู้ที่มีวาระได้ไปจะได้ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม ไม่เก็บเอาไว้เฉยๆ ตามที่หลวงตาม้าท่านเน้นย้ำเสมอว่า ทำอะไรให้ทำให้มีประโยชน์ แล้วให้มีประโยชน์มากๆ ด้วย (เป็นการฝึกปัญญาบารมี) แล้วให้เน้นเรื่องการปฏิบัติธรรมเป็นอันดับแรกเป็นหนึ่งในอุบายที่น้อมนำยก จิตเราให้เข้าสู่กระแสธรรม

ที่จริงแล้วการใช้พระขรรค์จักรพรรดิ ก็แฝงไปด้วยกุศโลบายหลายอย่าง การใช้พระขรรค์ที่จะให้ได้ผลดีสามารถช่วยเหลือมนุษย์ และภพภูมิได้อย่างเต็มกำลังนั้น ผู้ใช้พระขรรค์ธาตุขันธ์จะต้องพร้อมสมบูรณ์ จิตต้องมีกำลังในขณะที่ใช้พระขรรค์ ผู้ใช้พระขรรค์จะต้องวางจิตให้ทรงพรหมวิหาร ๔ หากทำได้ตามนี้ ไม่ว่าจะนำพระขรรค์ไปใช้ประโยชน์อย่างไร ก็จะประสบผลสำเร็จทุกประการ

อย่าลืมเรื่องสำคัญ ว่าเราต้องหมั่นฝึกปฏิบัติทำสมาธิ เพื่อให้มีกำลังเมื่อถึงเวลานำพระขรรค์ไปใช้งานจริง จะได้ใช้พระขรรค์ได้อย่างเต็มที่ เต็มกำลัง ที่กล่าวมานั้นเป็นกุศโลบายที่ใช้ได้ผลจริงทำได้จริงเป็นการฝึกจิตเดิน จิตอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์แก่มนุษย์และภพภูมิเป็นอย่างมากฝอยการใช้พระผง กรรมฐานก็จะมีความคล้ายคลึงเหมือนกับการใช้พระขรรค์ แต่พระขรรค์นั้นจะมีจุดเด่นที่แตกต่างออกไปหลายประการด้วยกันเช่น

๑. รูปลักษณ์พระขรรค์จักรพรรดินี้มีลักษณะเป็นรูปลักษณ์ของอาวุธพระจักรพรรดิ มีพลานุภาพมาก รุนแรงดุดันใช้ทั้งป้องกันและปราบทุกสิ่งที่ไม่ดี รวมทั้งคุณไสยอวิชชาทุกชนิด การสร้างพระขรรค์จักรพรรดิตามสูตรหลวงปู่ดู่ นั้น ท่านรวมบารมี ๓๐ ทัศ ด้วย จึงมีผลเชิงเมตตา เรียกว่า ปราบด้วยธรรม ปราบด้วยบารมี เรียกว่า ปราบในโปรด โปรดในปราบ (เป็นบารมีของพระมหาโพธิสัตว์ ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า)

๒. การนำพระขรรค์จักรพรรดิไปใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถกระทำได้อย่างดีเยี่ยม

๓. พระขรรค์จักรพรรดินี้สามารถอธิษฐานขอใช้งานพระขรรค์แบบสารพัดนึกเฉกเช่นเดียวกับแก้วสารพัดนึกทุกประการ

ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า“จักรพรรดิ”
๑. พระขรรค์จักรพรรดินี้หลวงปู่ดู่ได้รวม สมบัติจักรพรรดิ ทุก ประการ ไว้ภายในพระขรรค์จักรพรรดินี้แล้ว

๒. พระขรรค์จักรพรรดินี้สามารถน้อมนำเอาอาวุธพระจักรพรรดิอีกรูปลักษณ์หนึ่งออก มาได้ (หนึ่งในสมบัติจักรพรรดิ) คือกงจักรพระจักรพรรดิ (จักรแก้ว) เรื่องนี้หลวงตาท่านยืนยัน พร้อมทั้งมีการถ่ายรูปติดกงจักรพระจักรพรรดิที่พระขรรค์ด้วย

๓. รัศมีการใช้งานของพระขรรค์จักรพรรดิสามารถน้อมจิตส่งไปได้ไกลมาก อธิษฐานยืดพระขรรค์ได้ไกลถึงพรหมโลกเลยทีเดียว อย่างการรักษาโรคเราอยู่ต่างประเทศก็สามารถรักษาคนที่อยู่ประเทศไทยได้ อุปมาเหมือนเราใช้พระขรรค์ไปแตะที่ตัวเขาจริงๆ (พลังงานของพระขรรค์จะไปสัมผัสยังแตะกายทิพย์ของผู้ป่วย) ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับกำลังใจของผู้ใช้พระขรรค์ด้วยว่ามีมากน้อย เพียงใด สามารถน้อมนำพลังงานของหลวงปู่มาใช้ประโยชน์ได้มากเพียงใดแต่ละคนก็ไม่ เหมือนกันเป็นความสามารถเฉพาะตน(ต้องหมั่นฝึกฝนปฏิบัติสมาธิ)

ตัวอย่างการใช้พระขรรค์จักรพรรดิ

๑. การรักษาโรคระยะไกล
ให้ หาสื่อที่มีกระแสเกี่ยวเนื่องกันกับผู้ป่วย สามารถใช่รูปภาพ ชื่อนามสกุล หรือที่อยู่ของคนที่จะรักษา แล้วอธิษฐานถึงหลวงปู่ให้พระขรรค์ แผ่รัศมียืดยาวไปแตะที่ตัวคนไข้ แล้วกล่าวสัพเพฯ ฟอกธาตุสัก ๕ จบ แล้วให้เรียกวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรของคนไข้มารับบุญ(อนุโมทนารับบุญของหลวง ปู่) ซึ่งจะเป็นผลดีแต่เจ้ากรรมนายเวรของคนไข้นั้นเองไม่ได้ไปทำลายเจ้ากรรมนาย เวรแต่เป็นการช่วยเหลือให้ปรับเปลี่ยนภพภูมิไปยังสภาวะที่ดีกว่าเดิม เพราะถ้าหากไม่ไปจัดการกับเจ้ากรรมนายเวรของคนไข้ โรคร้ายที่เป็นอยู่จะกลับเป็นซ้ำได้ เพราะไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุที่เกิดจากบุพกรรม หากคนไข้อยู่ใกล้ๆ ก็ใช้ปลายพระขรรค์แตะไล่รักษาไปยังแหล่งโรค ซึ่งมองด้วยตาในแล้วจะเห็นเป็นรอยดำๆ มองให้ลึกไปอีกจะเห็นเจ้ากรรมนายเวร ลึกไปอีกจะเห็นสาเหตุด้วย เช่น คนที่เป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง บางทีจะรู้เลยว่าคนนี้ชอบใช้ดาบแทงเขา ทีนี้เราก็แก้ถูกจุด เรียกเจ้ากรรมนายเวรมารับบุญ ไม่รับก็ครอบวิมานแบบอัดตูมให้เลย แบบพายุทอร์นาโด(หลวงตาท่านพาลูกศิษย์เรียกวิธีการแผ่บุญแบบอัดพลังไปยัง เป้าหมายอย่างรุนแรงและรวดเร็วเหมือนพายุหมุนว่า ทอร์นาโด) จากนั้นก็ไล่ปลายพระขรรค์ไปทั่วตัวเพื่ออธิษฐานปรับธาตุให้สมดุลอีกครั้ง เรียกว่าใช้ทั้งขับ รักษา และฟื้นฟูนั่นเอง (ขับสิ่งไม่ดี เจ้ากรรมนายเวร รักษาจุดตำแหน่งที่เจ็บป่วย ฟื้นฟูสภาพร่างกายโดยรวมเป็นการปรับธาตุให้เกิดความสมดุล)

๒. ใช้พระขรรค์จักรพรรดิ ชี้เป้าแผ่บุญ
รัศมี ของพระขรรค์นั้นไกลมาก แทบพูดได้ว่าไม่จำกัดระยะทางเลยก็ว่าได้ หลวงตาบอกว่าไกลถึงพรหมโลกเลยทีเดียว บางทีเวลาเราเดินทางแล้วขึ้นไปที่สูง ให้เรากวาดแผ่บุญด้วยพระขรรค์ให้ไกลสุดลูกตา ครอบวิมานให้ไกลที่สุด วิธีนี้สัพเพฯ แต่ละทีกวาดได้เยอะมากครับ หรือบางทีมีคนเขาขอให้สัพเพไปที่คนที่อยู่ไกลๆ เช่น ญี่ปุ่น ก็ใช้พระขรรค์ชี้ไปทางญี่ปุ่น แล้วขอหลวงปู่ดู่ช่วยสลายพลังงานนิวเคลียร์ ช่วยคน วิญญาณภพภูมิ และปรับสภาพพลังงานธาตุทั้ง ๔ (ปรับภพภูมิ ปรับฮวงจุ้ย ปรับพลังงานที่ไม่ดีให้ดีขึ้นในทางทิพย์ แม้ว่าฮวงจุ้ยจะไม่ดี แต่พลังงานภายในสถานที่แห่งนั้นจะดีขึ้นและจะดียิ่งๆขึ้นไป หากเจาของสถานที่สวดบทจักรพรรดิ และสัพเพฯ แผ่บุญทุกวัน เทวดา พรหม เค้าจะสงเคราะห์)

๓. พระขรรค์จักรพรรดินี้ ห้ามกวัดแกว่งเล่นโดยเด็ดขาดพระขรรค์จักรพรรดิปราบนี้หากกวัดแกว่งตวัดเล่น โลกทิพย์จะได้ยินเสียงเหมือนฟ้าร้อง ดังสะท้านสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงดังมากๆ ในบริเวณที่เราแกว่งพระขรรค์ ภพภูมิเขาจะเดือดร้อนกัน

๔. การใช้พระขรรค์ขอฝน
เรา สามารถใช้พระขรรค์จักรพรรดิในการขอฝนได้ ให้ใช้พระขรรค์ชี้ขึ้นฟ้าแล้วกวนเมฆให้ก้อนเมฆจับตัวก่อตัวกัน (วิธีการการกวนเมฆให้ชูพระขรรค์ขึ้นฟ้าแล้วหมุนพระขรรค์เป็นวงตามเข็มนาฬิกา หมุนไปเรื่อยๆ) แล้วให้อธิษฐานลมให้พัดน้ำกวนละอองน้ำให้รวมตัวกันเป็นน้ำฝน ใช้ห้ามฝนก็ได้ด้วย วิธีคือให้ชี้ขึ้นฟ้าและโบกให้เกิดลมไล่ละอองน้ำไล่เมฆให้ไปทางอื่น แต่วิชานี้ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกคน ขึ้นอยู่กับ
๑. หลวงปู่จะทำให้หรือไม่ ถ้าไม่มีประโยชน์หลวงปู่ก็ไม่ส่งพลังงานมาให้ หากทำแล้วคนเขาเดือดร้อนมากกว่า ท่านก็ไม่ทำให้
๒. กำลังจิตของเราการเดินจิตของเรา ต้องเข้มข้นระดับหนึ่ง การอธิษฐานบุญฤทธิ์ต้องเข้มข้นระดับหนึ่ง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องธาตุทั้งสี่จะทำได้ยากกว่า เรื่องเกี่ยวกับโลกทิพย์ ก็คล้ายๆ กับที่อภิญญาย่อมยากกว่ามโนมยิทธินั่นเอง แต่เท่าที่เห็นมาก็เคยเห็นลูกศิษย์หลวงตาทำได้หลายคนเหมือนกัน

หมาย เหตุ สำหรับการขอฝน ยับยั้งฝนนี้ เท่าที่เห็นมาส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงบุญฤทธิ์แล้ว คนที่ทำงานทางด้านอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยห่วงใยในโลก ในพระพุทธศาสนา(พระพุทธศาสนาคงอยู่ไม่ได้หากโลกอยู่ไม่ได้ ) คนกลุ่มนี้จะขอฝน ยับยังฝนได้ดีกว่าคนที่ไม่เคยใส่ใจในสิ่งแวดล้อมเลย ด้วยเพราะบุญตรงนี้เกื้อหนุนนั่นเอง

๕. ใช้พระขรรค์ อธิษฐานให้ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร
หาก มีคนคอยคิดร้าย อิจฉาริษยา ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ เจ็บแค้นเคืองโกรธเราอยู่โดยจะทราบสาเหตุก็ดี ไม่ทราบสาเหตุก็ดี เราสามารถใช้พระขรรค์จักรพรรดิอธิษฐานให้เค้าเหล่านั้นกลับกลายเป็นมิตรเรา ได้ วิธีปฏิบัติให้น้อมจิตขออาราธนาบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ กำหนดจิตอธิษฐานไปยังพระขรรค์จักรพรรดิ ให้คอยป้องกันกำหลาบผู้ที่มีจิตคิดร้ายเรา ทั้งนี้ขอให้เรากระทำด้วยจิตที่ตั้งในพรหมวิหาร ๔ พร้อมทั้งสัพเพแผ่บุญครอบวิมานให้แก่เขา สัพเพให้เทวดาประจำตัวเขาด้วย ต่อไปเขาจะเกรงๆ กลัวๆ เราโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่อยากยุ่งกับเรา เมื่อสัพเพให้บ่อยๆ เขาจะกลับกลายเป็นมิตรของเราได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน

๖. ใช้พระขรรค์ ขจัดอุปสรรค
พระขรรค์ จักรพรรดิ เสมือนตัวแทนด้านปราบ ด้านขจัด สามารถอธิษฐานขจัดอุปสรรคต่างๆได้ ให้ขอบารมีหลวงปู่ดู่ และบารมีพระจักรพรรดิทั้งหมดทั้งมวล ช่วยขจัดอุปสรรคต่างๆ เช่นการงาน การเรียน การเงิน เรื่องครอบครัวและอื่นๆ (จะเรียกว่าตัดกรรมก็ได้)

๗. การใช้พระขรรค์จักรพรรดิร่วมกับวิชาฟอกธาตุเพื่อรักษาผู้ป่วย (โรคแผนปัจจุบันและโรคที่เกี่ยวเนื่องกับเจ้ากรรมนายเวร)
สภาวะ ของพระขรรค์จักรพรรดินี้มีอยู่สองแบบคือ รูปพระขรรค์ รูปพระขรรค์นั้นคือพระขรรค์ที่มีรูปจับต้องได้ เป็นพระขรรค์ที่หลวงปู่หลวงตาได้จัดทำจัดสร้างขึ้นจากวัสดุมวลสารต่างๆ แล้วอธิฐานให้เป็นพระขรรค์จักรพรรดิ รูปพระขรรค์นี้ผู้ใช้จะสามารถกำหนดภาพตามรูปได้เลยง่ายแก่การกำหนดภาพและวาง จิตเมื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางทิพย์