จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แจกพระธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระธาตุพุทธนิมิตรแก้วจักรพรรดิ์



แจก พระธาตุพุทธนิมิตรแก้วจักรพรรดิ์
และ
พระธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้า


ถึงวันที่ 5/3/2553
พระธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้า
มีลักษณะกลม ๆ เกลี้ยง ๆ ขนาดประมาณหัวไม้ขีดไฟ
พระธาตุพุทธนิมิตรแก้วจักรพรรดิ์มีลักษณะกลมเล็ก มีหลายสี

-จำนวนที่แจก 30 ชุด ชุดละ 3 ตลับ
-ผู้ที่ต้องการให้มาลงชื่อจอง ตั้งแต่ลำดับที่ 1- 30
และบอกด้วยว่าจะนำพระธาตุไปถวายที่วัดใดบ้าง จำนวน 2 วัด

-ลงชื่อได้ ตั้งแต่ วันนี้ ถึง วันที่ 5 /3/2553
-ผู้ที่ลงชื่อจอง ต้องส่งซองมารับพระธาตุภายในวันที่ 10/3/2553
หากเลยกำหนดถือว่าท่านสละสิทธิ เพราะท่านไม่รักษาสิทธิของตัวเอง
-ไม่รับติดต่อเป็นการส่วนตัว เนื่องจากมีงานจำนวนมาก
-เริ่มส่งพระธาตุ ตั้งแต่วันที่ 11/3/2553



ผู้ลงชื่อจองให้ปฎิบัติดังนี้

1. เมื่อลงชื่อจองและแจ้งรายชื่อวัดจำนวน 2 แห่ง ที่จะนำพระธาตุไปถวายแล้ว

ให้หา ตลับ ที่มีฝาเกลียวขนาดเล็กใส จำนวน 3 ตลับ เปิดฝาเกลียวออก
นำสำลีวางรองไว้ในตลับเพื่อรองรับพระธาตุ ทั้งสองแบบที่จะนำมาใส่ไว้ด้วยกัน

2. นำกล่องพัสดุ ขนาดเล็ก จ่าหน้าซองถึงตัวเอง +เขียนชื่อผู้ฝากส่ง
นายเอกณัฐยศ พานิชย์ไพศาลกูล
51/146 ม.6 บางใหญ่ซิตี้ ซ. 23/2 A อ. บางใหญ่ นนทบุรี 11140

พร้อมเงิน ค่าส่งจำนวน 50 บาท (เป็นเงินในการจัดส่ง ไม่ใช่เงินทำบุญ)

หมายเหตุ ใครที่ส่งแสตมป์ ,ตั๋วแลกเงิน หรือธนาณัติมา จะไม่ได้รับการจัดส่งกลับไป

3. นำทั้งหมด จากข้อ 1. ถึง ข้อ 2. มาใส่ลงอีกซองหนึ่ง จ่าหน้าซองถึง
นายเอกณัฐยศ พานิชย์ไพศาลกูล
51/146 ม.6 บางใหญ่ซิตี้ ซ.23/2 A
อ. บางใหญ่ นนทบุรี 11140
วงเล็บ มุมซอง ว่า ขอรับพระธาตุ


4. เมื่อ ได้รับพระธาตุฯ แล้ว ให้นำพระธาตุ 1 ตลับ บูชาที่บ้าน
อธิษฐาน... ขอบารมีของพระธาตุ
จงมาช่วยให้ข้าพเจ้าและครอบครัว มีความสุขความเจริญ... (อธิษฐานตามใจชอบ)
แล้วหาพานเล็ก ๆ มารองตลับพระธาตุ แล้วอัญเชิญพระธาตุฯ ไปวางไว้ที่โต๊ะหมู่บูชา หรือหิ้งพระก็ได้


ส่วนพระธาตุ อีก 2 ตลับ ให้ชวนคนในบ้าน หรือญาติสนิท มิตรสหายร่วมกัน
อัญเชิญ พระธาตุ ไปถวายวัดที่ใกล้บ้าน... หรือนำไป ร่วมบรรจุในพระเจดีย์... ตามอัธยาศัย เพื่อเป็นการเพิ่มบุญบารมีและความเป็นสิริมงคลต่าง ๆ ให้กับบุคคลที่ร่วมบุญถวายพระธาตุทุกคน

เมื่อถวายพระธาตุแล้ว อย่าลืมอุทิศบุญกุศลให้กับญาติ ๆ ของคุณด้วย

5. เมื่อนำพระธาตุไปถวายไว้ที่วัดไหน จังหวัดอะไร

ให้มาเขียนบอกไว้ด้วย เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ร่วมอนุโมทนาบุญ

หมายเหตุ ท่านที่ส่งค่าส่งมาโดยไม่ถูกเงื่อนไข จะไม่ได้รับการจัดส่งพระธาตุฯ
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่าน

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การใช้ลูกแก้วมหาจักรพรรดิ ปรับภพภูมิ





ลูกแก้วมหาจักรพรรดิ

(อธิษฐานจิต โดยหลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ)


หลักการ

ตามปกติแล้ว พระเครื่องที่สร้างด้วยผงจักรพรรดิ หรืออธิษฐานจิตด้วยเน้นในแนวบุญฤทธิ์ (พุทธบารมี-โพธิสัตว์บารมี-คุณพระบารมี) พระเครื่องนั้นจะมีรังสี-ฉัพพรรณรังสีที่สว่างไสว แม้ในบางวาระสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อทีเดียว แสงสว่างนี้จึงเป็นเสมือนแหล่งดึงดูดความสนใจให้แก่ภพภูมิทั้งหลาย ด้วยเพราะในโลกทิพย์นั้น อย่างเทวดาในชั้นต่างๆ ท่านวัดกำลัง วัดศักดา วัดมหิทธานุภาพ กันด้วยแสงสว่างเป็นหลัก ด้วยเพราะรูปสมบัติ และทรัพย์สมบัตินั้นสมบูรณ์พร้อมกันแล้ว แสงสว่างนี้นอกจากเป็นแหล่งดึงดูดความสนใจแล้ว ยังเป็นเสมือนแหล่งบุญ หรืออาหารบุญที่เหล่าภพภูมิต้องการพึ่งพระบารมี (เช่นเดียวกับผู้ที่รักษาศีล ปฏิบัติธรรมนั้น ย่อมมีความผ่องใส มีความสว่างในตัว เทวดาท่านมักจะให้การปกปักษ์รักษาดูแล และมาร่วมโมทนาบุญด้วยเสมอ)


บทขอขมาพระรัตนตรัย

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด
อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
ข้าพระพุทธเจ้า ขอวโรกาส ที่ได้พลั้งพลาดด้วยกาย วาจา ใจ
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ขอพระองค์ได้อดโทษทั้งปวง แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด
อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
ข้าพระพุทธเจ้า ขอวโรกาส ขอขมาโทษทั้งปวง ต่อคุณพระพุทธเจ้าด้วยเถิด

"หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธ เจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และ พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกาย หรือวาจาก็ดี และด้วยเจตนา หรือไม่เจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษ ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ด้วยเทอญ ..."

ตัวอย่างคำอธิษฐาน และวิธีการอธิษฐานจิต

๑. กำลูกแก้วในมือ จิตใจตั้งมั่นผ่องใส โน้มใจสื่อถึงพระตามถนัด จากนั้นกล่าวคำ อธิษฐานว่า

"ลูกขออาราธนาพระบารมีแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดทั้งมวล ตั้งแต่องค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ จนถึงองค์ปัจจุบัน บรมมหา จักรพรรดิทุกๆพระองค์ พระบารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทุกชั้นภูมิ ตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน-และอนาคต โดยมี บารมีรวมของหลวงปู่ทวด-หลวงปู่ดู่-หลวงตาม้าท่านอันเป็นที่สุด

ขอหลวงปู่ได้โปรดมีพระเมตตา ให้ดวงแก้วพระจักรพรรดินี้ เป็นดวงแก้วมหาจักรพรรดิ ปรับภพภูมิ-แต่งเมือง
ขอพระฉัพพรรณรังสีแห่งพระรัตนตรัยทั้งหมดทั้งมวล จงแผ่จากดวงแก้วมณีนี้ไปใน พื้นที่ ที่เป็นอนันต์ เพื่อยังการปรับภพภูมิ ครอบวิมานแก้ว ให้แก่เหล่าดวงจิต ดวงวิญญานทั้งหลาย

ตลอดจนถึงการปรับสภาวะธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ ฤดูกาล สรรพสัตว์ พืชพรรณธัญญาหาร ทั้งหมดทั้งมวล ให้สมดุลบริบูรณ์พร้อม ให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์เจริญงอกงาม ปราศจากสิ่งรบกวน
ให้ บ้านเมืองมีแต่ความร่มเย็น เป็นพื้นฐานอาวาสเป็นที่สบาย เพื่อเอื้อต่อการปฏิบัติธรรม เอื้อต่อการก้าวย่างสู่สัมมาทิฐิแห่งภพภูมิทั้งหลาย โดยขอให้ทรงไว้ตลอดทุกขณะเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน ต่อเนื่องสืบไป

ขอให้กระแสแห่งดวงแก้วนี้ กับดวงจิตทุกดวงทั่วทั้งแสนโกฐจักรวาลอนันตจักรวาล จงเชื่อมประสานกัน เมื่อดวงจิตใด ภพภูมิใด กล่าวสัพเพ อัญเชิญพระเข้าตัว ขอกระแสพระบารมีจงเชื่อมมายังดวงแก้วจักรพรรดิเหล่านี้ เพื่อเพิ่มกำลัง โดยแม้ผู้นั้นจะรู้ก็ตาม ไม่รู้ก็ตาม เจตนาก็ตาม มิเจตนาก็ตาม "

๒. ให้โน้มใจศรัทธาตั้งมั่น ผ่องใสเบิกบาน กล่าว คาถา มหาจักรพรรดิ จำนวนกี่รอบก็ได้ ตามความพอใจ หรือจนกว่าจิตจะเป็นสมาธิ มีอารมณ์ผ่องใสเบิกบาน ทรงภาพพระได้ชัดเจน

คาถา มหาจักรพรรดิ

นะโม พุทธายะ พระพุธทไตรรัตนะญาณ
มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะสุธรรมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีทานังวะรังคันธัง สีวลีจะมหาเถรัง
อะหังวันทามิทูระโต
อะหังวันทามิธาตุโย อะหังวันทามิสัพพะโส
พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ "

๓. จากนั้นจึงกล่าวคำ อัญเชิญพระเข้าตัว เพื่ออธิษฐานจิตฝากและเชื่อมกระแสว่า

สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส

(ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำบารมีพระเข้าตัว และรวมกำลังมาอยู่ที่ดวงแก้วมหาจักรพรรดินี้ จากนั้นให้ปิดด้วยบทคาถาอธิษฐานจิตว่า)

พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

๔. หลังจากนั้นให้กล่าวอธิษฐานต่อภพภูมิ ฝากให้ภพภูมิดูแลดวงแก้วนี้

ขออย่าได้ตกอยู่ในสถานที่หรือผู้ที่ไม่เหมาะสม เพื่อป้องกันการปรามาสโดยไม่ตั้งใจของผู้ไม่รู้ ด้วยเพราะรูปลักษณ์ ภายนอกที่มองดูเหมือนลูกแก้วที่ใส่ตามตู้ปลา หรือที่ใช้ดีดเล่นมาก เด็กอาจจะนำไปดีดเล่น หรือคนไม่รู้อาจจะไปเหยียบย่ำไม่รู้คุณค่าได้โดยกล่าวว่า

" ขอเทพไท้เทวดาทั้งหลาย ภพภูมิทั้งหลายทั้งหมดทั้งมวล อนันตจิตอนันตธาตุทั้งหมดทั้งมวลที่เกี่ยวข้องกับธาตุ-อณูธาตุของดวงแก้วนี้ ไม่ว่าจะเป็นแสนโกฐอสงไขย หรืออนันตอสังไขย ใดก็ตาม

ขอจงมาร่วมอนุโมทนาบุญ มาช่วยกันปกปักษ์รักษาดูแล และร่วมเพิ่มกำลังแก่ดวงแก้วนี้
ขออย่าได้ตกอยู่ในสถานที่ หรือบุคคคลที่ไม่เหมาะสม เพื่อมิให้เกิดการปรามาสในพระรัตนตรัย โดยมิเจตนา
แก่หมู่เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้จนถึงอนาคตกาลอันสมควรโน้นด้วยเทอญ"

จากนั้นจึงกล่าว สัพเพอัญเชิญพระเข้าตัวอีกครั้ง (ตามข้อ 3 )

๕. การปฏิบัติหลังจากอธิษฐานประดิษฐานดวงแก้วจักรพรรดิแล้ว : ให้หมั่นสัพเพกระแสพลังงานไปยังดวงแก้วทั้งหลายโดย อธิษฐานเชื่อม กระแสดวงแก้วทุกดวง เป็นดั่งเครือข่ายเชื่อมต่อถึงกัน นิมิตเป็นสายฉัพพรรณรังสี โยงใยถึงกัน และให้เกิดความสว่างไสวครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย หรือทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ (รูป-ธาตุได้วางไว้แล้ว ให้หมั่นอธิษฐานนามคือพลังงานบุญ ประจุเพิ่มพลังงานอยู่สม่ำเสมอ) โดยเฉพาะเมื่อเวลาสวดมนต์ใหญ่ 20.30 น.ของทุกวัน

การเลือกสถานที่จะทำการปรับภพภูมิ แต่งเมือง

1. เป็นสถานที่ยากแก่การเข้าถึง เป็นสถานที่ห่างไกล เช่น ตามเทือกเขา ท้องทะเลลึก ภูเขา ป่าเขา
2. เป็นสถานที่พลุกพล่านไปด้วยคน ด้วยวิญญาณต่างๆ เช่น ตลาดสด โรงเรียน โรงพยาบาล ศูนย์การค้า
ศาลเจ้า สุสาน ป่าช้า สถานที่รกร้าง บ้านร้าง จุดที่เกิดอุบัิติเหตุบ่อย ๆ เมรุเผาศพ อ่างเก็บน้ำ เขื่อน โรงฆ่าสัตว์ เรือนจำ ฯลฯ
3. เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น วัด วัดร้าง สถานปฏิบัติธรรม สำนักสงฆ์ อนุสาวรีย์วีรชนต่างๆ เมืองเก่า
4. บรรจุในองค์พระ วางบนมือของพระพุทธรูป หรือบรรจุในกรุ ในเจดีย์
5. ประดิษฐานไว้ที่รถยนต์ มอเตอร์ไซด์ จักรยาน พกติดตัว
6. บ้านพักอาศัย คอนโด หอพัก สถานที่ท่องเที่ยว

ย่อความจาก
http://board.watthummuangna.com/showthread.php?t=4488

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การนำพระผงกรรมฐานมาใช้ในการภาวนาในการฝึกวิชาเปิดโลก และการปรับภพปรับภูมิ



บทสวดพระมหาจักรพรรดิ


นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ

มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา

พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ

พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา

อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง

อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย

อะหังวันทามิ สัพพะโส

พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ



ขอนำหนึ่งในวิชาที่หลวงปู่ท่านได้เมตตาสอนไว้ให้ลูก ศิษย์ซึ่งท่านได้รับวิชานี้มาจากมาจากเบื้องบนมาแนะนำกันครับ

หลวงตาม้าท่านสำเร็จวิชาเปิดโลกมาจากหลวงปู่ดู่อีกทีหนึ่งและเมตตานำมา สอนอยู่ในปัจจุบัน (ปัจจุบันผู้ที่แตกฉานวิชาหลวงปู่ที่ยังหลงเหลืออยู่ก็คือท่านหลวงตาม้า)

เบื้องต้น เมื่อมีองค์พระแล้ว อาราธนามาไว้ในมือแล้วสวดบทเจริญพระกรรมฐานด้วย บทสรรเสริญพุทธคุณ บท อาราธนาศีล บทบูชาหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ และ บทขอขมาพระรัตนตรัย แล้วต่อด้วยบทพระมหาจักรพรรดิ

จากนั้นจึงทำสมาธิในอิริยาบถที่เราถนัด
กำพระไว้ในมือ น้อมนึกอาราธนา กำลังจากองค์พระมาที่จิตเป็นการเพิ่มกำลังจิตในการภาวนาของเราแล้วน้อม พลังงานพุทธคุณนี้มายังฐานที่เราใช้ในการทำสมาธิด้วย

เช่นหากทำแนวอานาปานสติก็น้อมมาที่ลมหายใจ หรือถ้าเป็นแนวกำหนดสมาธิเฉพาะจุด(ที่เป็นสมถะ)เช่นที่หว่างคิ้ว ก็น้อมมารวมที่นั้น โดยนิมิตใดๆที่จะให้กำหนดต่อไปก็กำหนดไว้ที่ฐานที่เราใช้ในการทำสมาธิของเรา การบริกรรมใช้คำภาวนาพุทธคุณใดก็ได้


พุทโธ หรือ ภาวนาไตรสรณคมน์ไปเรื่อยๆ

แต่แนะนำให้ใช้บทสวดพระจักรพรรดิมาใช้เป็นคำบริกรรมในการทำสมาธิเพราะจะได้ ผลเร็วที่สุด(ควรท่องจำให้ขึ้นใจและในชีวิตประจำวัน นึกได้เมื่อไรไม่ว่าทำ อะไรอยู่ก็บริกรรม สบายๆในจิตของเรา จะเป็นการทรงจิตเราให้เป็นทิพย์และเป็นกำแพงแก้วคุ้มตัวเราด้วย)

การกำหนดนิมิตที่ฐานที่เราใช้ในการทำสมาธิ ให้กำหนดเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง จักรพรรดิ หรือจะเป็นหลวงปู่ทวด หรือ หลวงปู่ดู่ก็ได้

กำหนดนิมิตเบาๆ พร้อมไปกับการ ภาวนาคำบริกรรมเมื่อทำได้คืบหน้าแล้วจะรู้ที่จิตเองโดย พลังงานของครูบาอาจารย์ที่คุมการภาวนาเราอยู่จะสื่อมาที่เรา(เพราะก่อนนั่ง เราอัญเชิญท่านมาแล้ว)และพระท่านจะมาสอนเราในสมาธิได้เมื่อสมาธิเราละเอียด เข้าหรือใจทรงความเป็นทิพย์ได้ดีขึ้นและวางอารมณ์ได้สบายๆ และหากถึงจุดๆ หนึ่งจะทำให้สามารถสัมผัสโลกทิพย์ได้ซึ่งมีประโยชน์ที่จะทำให้เราเข้าใจความ จริงของธรรมชาติได้ สรุป


ย่อๆก็คือเรานำพระมากำก็เพื่อเพิ่มกำลังจิตในการทำสมาธิของเรา


ใช้อธิษฐานทำน้ำมนต์รักษาโรค

พระผงกรรมฐานสูตรหลวงปู่ดู่ จะมีการแช่น้ำมนต์จักรพรรดิ ก่อน ๓ - ๑๕ วัน น้ำมนต์จักรพรรดินี้รักษาโรคและปรับธาตุ ๔ ในร่างกายได้ดีมาก (ประสบการณ์ตรง) เรื่องหวัดนกที่เรากลัวกัน นอกจากจะใช้วิชาของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำในการป้องกัน รักษาแล้ว ก็สามารถใช้น้ำมนต์จักรพรรดิป้องกันและรักษาได้เช่นเดียวกัน (หลวงปู่ดู่ท่านทราบล่วงหน้าเรื่องโรคระบาดต่าง ๆ และได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าเช่นกัน) พระผงกรรมฐานนี้ จึงใช้แช่น้ำมนต์รักษาโรคได้ บางโรคสามารถรักษาให้หายขาดได้ บางโรคที่อาการหนักมากๆ ก็

สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ลองทำตามวิธีการต่อไปนี้ดู

วิธีการ
๑. ให้นำพระเลี่ยมก็ได้ไม่เลี่ยมก็ได้ไม่ต่างกัน มากำสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ ๗ จบ แล้ว อธิษฐานว่า ขออาราธนาเชิญบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ บารมีรวมพระโพธิสัตว์ทุก พระองค์พระธรรม บารมีรวมพระอริยะสงฆ์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด ขอหลวงปู่ได้โปรดรวมบารมีทั้งหมดทั้งมวลแผ่มายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุ ภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ

เพื่อใช้ในการมงคลทั้งปวง เพื่อใช้ในการปรับธาตุทั้ง ๔ และรักษาโรคภัยทุกประเภท ขอบารมีอันหาที่สุดมิได้ของหลวงปู่ จงโปรดให้เป็นไปตามคำอธิษฐานแห่งข้าพเจ้านี้ด้วยเถิด


จึงค่อย ๆ จุ่มพระลงในภาชนะใส่น้ำ (พระสูตรหลวงปู่ดู่สามารถแช่น้ำได้ สำหรับองค์ที่ยังไม่เลี่ยม ยิ่งแช่น้ำพระยิ่งแกร่ง ไม่ต้องกังวลว่าพระจะเปื่อยยุ่ยแตกหัก)


๒. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว


สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา

พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส
(ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกับแสงนั้นก็พุ่งตรงไปยังน้ำทั้งภาชนะ และจะรู้สึกว่าน้ำนั้นจะมีกระแสเย็นชุ่มชื่น ดื่มกินแล้วก็รู้สึกสดชื่น)

พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ(ให้อธิฐานจิตน้อมนำพลังงานแผ่ออกไป)


การนำไปใช้จริง


๑. บ้านใดที่มีถังน้ำใหญ่ หรือโอ่งมังกร แนะนำให้แช่พระไว้ตลอดอย่างนั้น จะได้ไม่ต้องอธิษฐานหลายครั้งครับ ให้กินอาบ ใช้ จนเลือดจนเนื้อ เป็นกำลังพระจักรพรรดิเลยครับ ทำได้อย่างนี้ ผิวพรรณจะเยาว์ลง และยังมีผลเรื่องป้องกันรังสีนิวเคลียร์ด้วย


๒. จะใช้กิน อาบ ล้างอะไรก็แล้วแต่ ได้ทั้งนั้น มีคนเคยถามหลวงปู่ว่าไม่เป็นอะไรหรือ หลวงปู่ก็ว่า " น้ำมนต์ข้าเป็นของดี จะเอาไปทำอะไรก็ดีหมด "


๓. หัวเชื้อน้ำมนต์จักรพรรดินี้ต่อได้เหมือนน้ำมันชาตรีของหลวงพ่อปาน หรือของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ หลวงตาม้า ท่านบอกว่า " แม้เพียงหยดเดียวของน้ำมนต์จักรพรรดิ เมื่อหยดลงในตุ่ม น้ำทั้งตุ่มนั้นก็จะกลายเป็นน้ำมนต์จักรพรรดิหมด " เราก็แช่พระไว้ในภาชนะใดก็ได้ตลอดเวลา แล้วคอยเติมอยู่เสมอไม่ให้แห้ง แล้วก็เอาน้ำมนต์หัวเชื้อนี้คอยเติมภาชนะ

ต่าง ๆ เอา จะเอาไปแจกจ่ายก็ได้ครับ

๔.ไม่ต้องกลัวพระธรรมธาตุหลุดครับ พระธรรมธาตุท่านเกาะที่ผิวพระอยู่แล้ว เพียงแต่อย่าเอาอะไรไปขัดไปถูเป็น ใช้ได้

การบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

การบูชาพระบรมสารีริกธาตุจากชมรมโลกทิพย์ครับ เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่นำพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับไปบูชาครับ

1.การจัดที่บูชา
การตั้งพระธาตุและภาชนะที่รองรับ ภาชนะที่รองรับพระธาตุหรือพระบรมสารีริกธาตุจะต้องเป็นผอบไม้จันทร์ โถกระเบื้องเล็กๆ ที่มีฝาครอบก็ได้ หรือจะเป็นเจดีย์ไม้เล็กๆ ก็ได้
ควรรองภายในด้วยสำลี แล้วทับด้วยผ้าขาวอีกทีหนึ่ง แล้วจึงอัญเชิญพระธาตุวางข้างบน
ผอบพระบรมสารีริกธาตุควรไว้สูงกว่าพระบูชา
แตถ้าสถานที่ไม่อำนวยจะวางไว้หน้าพระบูชาก็ได้แต่ควรมีพานเล็กๆ รองรับผอบ

โต๊ะบูชาไม่ควรสั่นหรื่อโยกเวลาเดินผ่าน จะต้องมั่นคงแข็งแรง
เคยอ่าน เขาจะบรรจุดอกพิกุลเงินพิกุลทอง และไม้จันทร์ขีดเล็กๆ ไว้กับพระธาตุ ต้องใช้ไหมเจ็ดสีมณีเจ็ดอย่างจะถูกโฉลก

แต่ที่เรามีไว้ในบ้าน เราจะเอาสำลีวางรองไว้ในผอบ ตัดผ้าแดงวางทับสำลี เอาไหมเจ็ดสีตัดเป็นเส้นเล้กๆ วางบนผ้าแดง แล้วตัดผ้าขาววางทับลงไปอีกแล้วจึงอัญเชิญพระธาตุวางไว้ข้างบน

การที่เอาผ้าแดงวางไว้ใต้ผ้าขาว เพราะเขาถือว่าพระธาตุมีเทพรักษาและสีแดงเป็นสีของเทพ

การถวายน้ำจัน ผมว่าอาจจะพิมพ์ผิด น้ำจัน ความหมายคือ เหล้าหรือสุรา ซึ่งขัดกับศีลข้อ 5 ในที่นี้ผมว่าน่าจะเป็นน้ำมันจันทร์ ซึ่งของแท้จะมีราคาค่อนข้างสูง บางแห่ง ที่คุยกับพระอาจารย์ที่เสด็จมาเรื่อยๆ ท่านใช้น้ำอบปรุงรส เจ้าคุณ นำมีสีเขียว สกัดจากเกสรดอกไม้
อยางไรก็ดีที่กล่าวมาเป็นอามิสบูชา ซึ่งควรต้องปฏิบัติควบคู่กับการสวดมนต์ กรรมฐานด้วย ถ้าพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุที่ได้รับมาจริง คุณมีศรัทธา มีบุญบารมี และปฏิบัติบูชาให้มากๆ อธิษฐานจิต ในความคิดผม ผมเชื่อว่าพระธาตุอาจแสดงอะไรบางอย่างให้ทราบว่าเป็นพระธาตุได้ครับ หรือไม่อาจมีพระธาตุเสด็จมาเอง

อีกแหล่งข้อมูลหนึ่งที่แนะนำวิธีบูชา การอัญเชิญ ลองเข้าไปที่
http://www.relicsofbuddha.com ซึ่งผมได้คัดลอกมาครับ

2.วิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

การจะบูชาพระบรมสารีริกธาตุนั้นก่อนอื่นต้องชำระล้างร่างกาย ทำจิตใจ ให้สะอาดผ่องใส จัดหาดอกมะลิใส่ภาชนะบูชา ตั้งสักการะ ณ ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ แล้วจุดธูปและเทียน ตั้งใจให้เป็นสมาธิ กราบ 3 ครั้ง แล้วจึงตั้งนะโม 3 จบ กล่าวคำบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

คำกล่าวบูชาพระบรมสารีริกธาตุ มีอยู่มากมายทั้งภาษาบาลี และภาษาไทย แต่ที่พบเห็นกันอยู่โดยทั่วไป และกระทำได้โดยง่ายนั้นคือ

คำกล่าวพรรณนาพระบรมสารีริกธาตุ

" อะหัง วันทามิ ทูระโต
อะหัง วันทามิ ธาตุโย
อะหัง วันทามิ สัพพะโส "

*คำกล่าวอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ก็สามารถนำมาใช้กล่าวบูชาได้เช่นกัน*


การบูชาพระธาตุนั้น นอกเหนือจากการบูชาด้วย "อามิสบูชา" เช่น การบูชาด้วยดอกไม้ ธูปเทียน และ เครื่องหอมต่างๆแล้ว การบูชาด้วยการ "ปฏิบัติบูชา" ซึ่งเป็นวิธีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ เป็นอีกวิธีการหนึ่ง ที่นิยมปฏิบัติควบคู่ไปด้วย ในการบูชาซึ่งพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุทั้งหลาย โดยทั่วไปนิยมปฏิบัติตามแนวอริยมรรค 8 ประการ สรุปโดยย่อได้แก่

1. การบูชาด้วยศีล ซึ่งศีลเป็นพื้นฐานและเป็นที่ตั้งมั่นแห่งการทำความดี เป็นเกราะป้องกันความชั่วทั้งปวง ไม่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ทำให้เกิดความพร้อมต่อการปฏิบัติสมาธิ (สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ)

2. การบูชาด้วยสมาธิ ซึ่งการสวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิ ดูลมหายใจเข้า-ออก เป็นการฝึกความเข้มแข็งของจิต ให้มีกำลังในการพิจารณาหลักธรรมต่างๆได้ตามความเป็นจริง (สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ)

3. การบูชาด้วยปัญญา คือการใช้ปัญญาพิจารณาหลักความเป็นจริง ตามหลักไตรลักษณ์ (สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ)

นอกจากนี้ การบูชาพระธาตุยังได้ประโยชน์ ในด้านเป็นอนุสติ 10 อีกด้วย ดังนี้คือ

พุทธานุสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า (พระบรมสารีริกธาตุ)
ธัมมานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระธรรม (ธรรมที่ทำให้อัฐิกลายเป็นพระธาตุ)
สังฆานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ (พระสงฆ์สาวกธาตุ)

สีลานุสสติ คือ การระลึกถึงศีลของตน (ผลของศีลที่ทำให้อัฐิกลายเป็นพระธาตุ)
จาคานุสติ คือ การระลึกถึงทานของตน (ผลของทานที่ทำให้อัฐิกลายเป็นพระธาตุ)
เทวตานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณที่ทำบุคคลให้เป็นเทวดา (เทวดารักษาพระธาตุ)

มรณานุสสติ คือ การระลึกถึงความตายที่จะมาถึงตน (แม้พระอริยเจ้าก็ต้องตาย)
กายคตาสติ คือ ระลึกทั่วไปในกาย ให้เห็นว่าไม่งาม น่าเกลียด (เมื่อตายแล้วก็เหลือเพียงกระดูก)
อานาปานสติ คือ การระลึกถึงสติกำหนดลมหายใจเข้าออก (ผลของสมาธิที่ทำให้อัฐิกลายเป็นพระธาตุ)
อุปสมานุสสติ คือ การระลึกถึงคุณพระนิพพาน (แดนพระนิพพานที่พระอริยเจ้าได้ก้าวล่วง)

วิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
สำหรับบ้านที่มีพระบรมสารีริกธาตุไว้บูชาอยู่แล้วคงจะทราบดี เป็นที่น่าแปลกคือ พระบรมสารีริกธาตุนั้น สามารถเพิ่ม หรือลดจำนวนได้เอง โดยสามารถเสด็จไปไหนมาไหนเองก็ได้ แม้ว่าจะเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทดีสักเท่าใดก็ตาม โดยเชื่อกันว่าหากไม่ดูแลรักษาเอาใจใส่ ประดิษฐานไว้ในที่ไม่สมควร หรือขาดการถวายความเคารพแล้ว พระบรมสารีริกธาตุอาจเสด็จหายจากสถานที่นั้นๆก็เป็นได้ โดยทางตรงกันข้าม หากได้รับการปฏิบัติบูชาดี ผู้สักการบูชา มีกาย วาจา ใจ สะอาดบริสุทธิ์ อยู่ในศีลธรรม พระบรมสารีริกธาตุก็อาจเพิ่มจำนวนได้เช่นกัน

3. วิธีอัญเชิญโดยทั่วๆไปมีดังนี้

1. จัดที่บูชาให้สะอาด
2. ตั้งพานมะลิบูชา (ถ้ามี)
3. นำน้ำสะอาดใส่ขันสัมฤทธิ์ตั้งไว้หน้าที่บูชา (ตามวิธีโบราณ)
4. ชำระล้างร่างกายให้สะอาด

5. ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง มีสมาธิ
6. สมาทานศีล
7. ระลึกถึงพระพุทธคุณ (ตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ อิติปิโสฯ)
8. สวดคาถาอัญเชิญพระธาตุ ดังนี้

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ "

* การเสด็จมาอาจมีด้วยกันหลายวิธี เช่น เสด็จมาเอง มีผู้มอบให้ แบ่งองค์ ฯลฯ


พระธาตุแก้วจักรพรรดิ

พระธาตุพุทธนิมิต แก้วจักรพรรดิ
บทความโดย.. กฤษณะ ไตรลักษณ์


เรียบเรียงโดย น้ำใส


"พระธาตุแก้วจักรพรรดิ์" จัดเป็นพระบรมสารีริกธาตุ ประเภทพุทธนิมิต หรือทางภาคเหนือเรียก พระธาตุเชียงแสน พบมากทางภาคเหนือตอนบน บริเวณแถบชายแดนไทย -พม่า เมื่อ ก่อนที่ผมเคยได้มาจากผู้อื่น ผมเคยมีความลังเลสงสัยว่า ลักษณะคล้ายเม็ดกันความชื้น แต่ความสงสัยได้หายไป เมื่อท่านเสด็จมาที่บ้านของผมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน้อง ๆ กลุ่มวัชรธาตุได้พบเห็นอยู่เป็นประจำ (มีต่อ...)


จากประสบการณ์ของผมนั้น หากเปรียบเทียบระหว่างพระธาตุแก้วจักรพรรดิ และเม็ดกันความชื้น จะมีความแตกต่างกันหลายประการเช่น....
  1. พระธาตุแก้วจักรพรรดิ สามารถเปลี่ยนสีได้ทันทีทันใด หรือตามกำลังบุญของผู้ดูแลแต่เม็ดกันความชื้นเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา
  2. สีของพระธาตุจักรพรรดิจะเข้มกว่ากับเม็ดกันความชื้น หากนำมาเปรียบเทียบจะมีสีแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
  3. พระธาตุแก้วจักรพรรดิจะมีความเปราะบางกว่าเม็ดกันความชื้น จะแตกง่ายกว่า
  4. พระธาตุจักรพรรดิสามารถโตขึ้นได้ ซึ่งเม็ดกันความชื้น จะมีขนาดเท่าเดิม
  5. ขนาด ของพระธาตุแก้วจักรพรรดิ จะไม่เท่ากัน เล็กสุดขนาดประมาณเม็ดผักชี ถึงใหญ่สุดเท่าเมล็ดถั่วลิสง ส่วนเม็ดกันความชื้นจะมีขนาดเท่ากัน
  6. พระ ธาตุแก้วจักรพรรดิมักพบตามเจดีย์เก่า ๆ ซึ่งมีอายุนับร้อย ๆ ปี ที่ผุพังตามกาลเวลา ส่วนเม็ดกันความชื้นนั้น เป็นสารสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเกิดมาได้ไม่ถึง 50 สิบปี
นอกจากนี้ลักษณะพระธาตุ จักรพรรดิ หรือพระธาตุเชียงแสนที่อัญเชิญมาจะได้จากในถ้ำนั้น จะมีคราบหุ้มคล้ายสนิมขาว ๆ หรือคล้ายเมือกขาวๆ หุ้มอยู่ เมื่ออัญเชิญมาแล้วจะต้องใช้ทินเนอร์หรือน้ำมันจักรล้างออก เป็นเรื่องที่น่าสังเกตว่า พระธาตุแก้วจักรพรรดิ จะเปลี่ยนสีตามคุณธรรมของผู้ดูแล ลักษณะสีจะคล้ายแก้วนาคา หรือเพชรนาคา


เมื่อ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา ผมได้นำพระธาตุแก้วพรรดิที่อัญเชิญมาได้ นำไปให้ครูบาท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นับถือในแถบภาคเหนือ(ขออนุญาตสงวนฉายาของท่าน) ท่านได้กล่าวกับกลุ่มวัชรธาตุว่า พระธาตุที่ได้มาเป็นพระธาตุเชียงแสน เป็นพระธาตุพุทธนิมิต

อีกประการหนึ่ง เคยได้สอบถามกับลูกศิษย์ของครูบาท่านนี้ ท่านมีพระธาตุแก้วจักรพรรดิอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน ทราบว่า เมื่ออดีตคุณลุงของท่าน เคยใช้รถไถนาแถบเชียงแสน คราดของรถไถไปโดนซากเจดีย์ ซึ่งไม่เคยทราบมาก่อนว่า บริเวณนั้นเป็นเจดีย์เก่า ไปโดนผอบเป็นดินเผาโบราณ ภายในบรรจุพระธาตุเชียงแสน หรือพระธาตุแก้วจักรพรรดิอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อร่อนออกมาได้ครึ่งกระสอบ


และมีผู้ใช้เรือดูดทรายจากลำน้ำ โขง ได้ดูดเอาพระธาตุจักรพรรดิปนมากับทรายด้วย สันนิษฐานว่า มีวัดได้จมในลำน้ำโขงอยู่เป็นจำนวนมาก นับร้อย ๆ วัด เท่าที่ทราบพระธาตุแก้วจักรพรรดิบางส่วนก็หลุดมาจากฝั่งพม่า จากถ้ำ และเจดีย์เป็นจำนวนมาก ตามความเห็นส่วนตัวของผม น่าจะเสด็จมารับรองในการตรัสรู้แห่งองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย หากเทียบเวลาระหว่างโลกมนุษย์ และโลกทิพย์ เป็นระยะเวลาไม่นานนัก

ตามความคิดเห็นส่วนตัวของผมอีก ประการ คนเรามักยึดตำราโบราณมากเกินไป จนเกิดความเข้าใจผิด และเกิดการปรามาสพระรัตนตรัยโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากไม่มีระบุไว้ในคำราโบราณ อีกประการหนึ่ง น้อยคนที่จะได้พบเห็นพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันต์ธาตุจริงๆ เพราะส่วนใหญ่จะบรรจุที่สูง ยากต่อการได้พบเห็นและได้พบเห็น ซึ่งจะทราบเฉพาะในวงแคบๆ เท่านั้น

แต่ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีเจริญขึ้น ทำให้คนทั่วไปได้มีการได้พบเห็นพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ทั้งสัณฐานและวรรณะต่างๆที่ไม่มีระบุไว้ในตำราเป็นจำนวนมาก ทำให้หลายๆ ท่านเกิดลังเลสงสัย ผมว่าเราควรจะเปิดใจกว้างในเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่งมงาย โดยยึดหลักเหตุตามคำสอนของพระพุทธศาสนา และ ผมคงขอกล่าวประโยคง่าย ๆ เช่นเดิม คือ
พุทโธ อัปปมาโน ธัมโม อัปปมาโน สังโฆ อัปปมาโน


คัดลอกจาก เวปวัชรธาตุ หัวข้อ พระธาตุพุทธนิมิต “แก้วจักรพรรดิ” ตอนที่ ๑