ไม่ว่าจะเดิน กินข้าว อาบน้ำ ทำงาน อย่างน้อยให้จิตเราพักอยู่ในบทสวด ในธรรมบ้าง ในจักรพรรดิบ้าง
ซึ่งหลวงตายืนยันว่าเหมือนกับการนั่งสมาธิทุกประการ เช่น เวลานั่งรถไปทำงาน สวดไปเรื่อยๆ แป๊ปเดียวก็ถึง
นี่คือการเพลินในบทสวด เพราะว่าไม่ว่าจะไปนั่งสมาธิ ก็ยังต้องสวดมนต์ ภาวนาอยู่ดี เพียงแต่มันเป็นแค่อริยาบทหนึ่งเท่านั้น
จึงไม่ต่างกันกับอริยบทอื่นๆ ที่เราได้ทำในชิวิตประจำวัน และไม่ต้องกังวล
เพราะการจะปฎิบัติได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความชำนาญ
และความชำนาญเกิดจากการกระทำที่ต่อเนื่อง และทำทุกวันนั่นเอง
หลวงตาม้าสอนว่า มโนกรรม หากคิดมากๆ ก็จะเป็นวจีกรรม และเป็นกายกรรมได้
เพราะว่าความคิดมันสะสมไปเรื่อยๆ ต่อไปก็จะไปแล้วทีนี้
เหมือนเราคิดถึงแฟน หากเราคิดถึงบ่อยๆ ต่อไปเราก็จะไปหาแฟนเราแล้ว
นี่คือ ความต่อเนื่องของกรรม ที่เริ่มจากความคิดเป็นจุดเริ่มต้น
ถ้าจะลดให้เราหยุด ให้เราเบนกระแสความคิด ต่อไปมันจะค่อยๆลดไปเรื่อยๆ
หากจะให้หลวงตาแนะนำ คือ ให้เราสวดมนต์
ไม่จำเป็นต้องไปที่วัด ไปตัดชุดขาว ไปสมาทานศิล นี่คือท่ามาก (หลวงปู่เคยบอกหลวงตาไว้)
ให้ทำเลยเดี๋ยวนั้น ไม่ต้องเรื่องมาก แค่สวดมนต์เท่านั้นเอง จะทำไม่ได้ได้อย่างไร มันไม่ยาก
การเปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนความคิดมันเปลี่ยนได้ มันอยู่ที่เรา
หลวงตาม้าสอนว่า การที่สามารถเข้าใจในบทสวด และเข้าสู่โลกทิพย์ได้เร็ว นั่นเป็นเพราะเขาเคยทำมาแล้วในอดีต
เหมือนปัจจุบันเราเคยจำอารมณ์สบายๆ ได้ใหม ให้ใช้อารมณ์นั้น ในการสวดมนต์
หลวงตาม้าสอนว่า การตั้งวางจิตในระยะเริ่มแรก (พึ่งเริ่มสวด) ให้จิตอยู่ที่พระ ให้อยู่ที่รูปหลวงปู่ก็ได้
การกำหนดภาพ ไม่จำเป็นต้องลำดับว่าจะต้องนึก
มีผู้ตั้งคำถามว่า สามีเป็นชาวต่างชาติ อยากให้เค้าได้บารมีจากหลวงปู่ดู่บ้าง
แต่ไม่รู้จะให้เค้าสวดบทจักรพรรดิ์อย่างไรเพราะยาวไป
ขอความเมตตาจากหลวงตาม้าช่วยแนะนำด้วย
มีลูกศิษย์หลวงตาช่วยถ่ายทอดความรู้ว่า
หากไม่สามารถสวดบทพระมหาจัก
นึกถึงท่านบ่อยๆ (ดูรูปหลวงปู่) ก็จะได้พลังงานเหมือนสวดบทพ