รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับแก้วจักรพรรดิ์,การปฎิบัติสมาธิ และ ,ตรวจพลังพระเครื่องด้วยแพนดูลั่มพลังจิต
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553
พระเครื่องของหลวงปู่ดู่
เดิมข้าพเจ้าไม่มีความสนใจในแก่นหรือหลักของพระพุทธศาสนา
เพียงแต่มีความเข้าใจอย่างผิวเผิน และได้ประสบเหตุการณ์บางอย่างในการทำงานในต่างจังหวัด
ทำให้มีความสนใจในเรื่อง “ พระพุทธคุณ ”
( พระพุทธคุณ คือ พลังงานที่อยู่ในพระ ) ว่าจะมีจริงหรือเปล่า
จึงได้เสาะแสวงหา พระเครื่องของพระเกจิอาจารย์และพระกรุต่างๆ
จากหนังสือพระเครื่องหลายฉบับ
โดยเสียเงินในการเช่าบูชาเป็นจำนวนมากพอสมควร
เนื่องจากข้าพเจ้ามีพระเครื่องจำนวนมากมาย
ทำให้ไม่มีการจัดเก็บให้เป็นที่เรียบร้อย
มารดาข้าพเจ้าซึ่งเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ( เรียกว่า เป็นคนต่างด้าว )
และมีความนับถือใน พระศาสดากับพระโพธิสัตว์กวนอิม
มารดาเคยเล่าให้ฟังว่า ท่านได้สวดมนต์ทำสมาธิมาตั้งแต่เมื่ออายุเพียง 15 ปี
ตั้งแต่สมัยอยู่ในประเทศจีน จนมีอายุในขณะนี้ 70 ปี
และตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าจำความได้
ก็เห็นมารดาสวดมนต์บูชาพระพุทธองค์และพระโพธิสัตว์กวนอิมทุกวัน
ในช่วงเย็นไม่น้อยกว่าวันละ 3 ชั่วโมง
โดยปกติลูกหลานจะทราบเพียงแต่ว่า
มารดาข้าพเจ้ามีความสามารถในการทำนาย โหงวเฮ้ง
( โหงวเฮ้ง หมายถึง การดูตรงหน้า ดูลักษณะ 5 อย่าง เช่น ดูตา ใบหู จมูก เป็นต้น ) ได้อย่างเเม่นยำมาก
แต่จะบอกเฉพาะลูกหลานหรือญาติเท่านั้น
จนมากระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง
มารดาได้ให้ข้าพเจ้าไปจัดเก็บพระเครื่องต่างๆ ที่วางไว้ระเกะระกะให้เป็นที่เรียบร้อย
เนื่องจากเป็นวันหยุด
ข้าพเจ้าจึงนำพระเครื่องทั้งหมดออกมาทำความสะอาดแล้ววางไว้บนโต๊ะ
มารดาข้าพเจ้า ( ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว )
ได้เดินมาที่โต๊ะที่วางพระเครื่องจำนวนหลายร้อยองค์ของข้าพเจ้า
พร้อมกับได้หยิบพระเครื่องแยกออกมาจำนวนหนึ่งประมาณ 4-5 องค์
แล้วเลือกพระเครื่องออกมาเพียง 1 องค์ยื่นให้ข้าพเจ้า
องค์ที่เหลือได้วางกลับลงไปที่เดิม
เนื่องจากมารดาเป็นคนจีนพูดไทยชัดบ้างไม่ชัดบ้าง
ได้พูดภาษาจีน แปลเป็นไทยได้ความว่า
“ พระเครื่องที่หยิบมาทุกองค์มีพลังหรือพุทธคุณสูงมาก
แต่องค์ที่พุทธคุณสุดยอดคือองค์นี้ ” (พระเครี่องของหลวงปู่ดู่)
มารดาได้กล่าวย้ำให้ข้าพเจ้านำไปเลี่ยมทองแขวนคอไว้เป็นมงคลแก่ตัว
โดยปกติมารดาไม่เคยสนใจในเรื่องพระเครื่อง และอ่านภาษาไทยไม่ได้เลย
แต่ท่านจะตักบาตรทุกวันและนับถือหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
กับ สมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์ ( ฟื้น ) วัดสามพระยา
ข้าพเจ้ามีความสงสัยเป็นอย่างมากว่า
มารดาทราบได้อย่างไรว่าองค์ไหนมีพุทธคุณสูง
และท่านสามารถตรวจสอบได้จริงหรือไม่
พระเครื่ององค์ดังกล่าวเป็นพระที่ข้าพเจ้าได้รับจากการทำบุญกับเพื่อน
เป็นพระรุ่นใหม่และไม่มีราคาเช่าหาแต่อย่างใด จึงสอบถามมารดาว่า
แม่รู้ได้อย่างไรว่าพระองค์นี้ดีและองค์ที่วางลงไปมีพุทธคุณน้อยกว่า
( พระที่มารดาวางลงไป 3-4 องค์ ล้วนเป็นพระเครื่องที่นิยมในวงการ
และมีราคาเช่าหาสูงในระดับหลักหมื่นขึ้นไปทั้งสิ้น )
ข้าพเจ้าได้เลือกพระองค์ที่บูชามาในราคาสูง
มาให้ตรวจสอบอีกจำนวนหนึ่ง ผลก็คงเป็นเช่นเดิม
มารดาบอกว่า พระองค์นี้(พระเครื่องของหลวงปู่ดู่)ดีมาก เป็น “ผ่อสัก” ( คือ “ พระโพธิสัตว์ ” )
ให้นำไปเลี่ยมแขวนที่คอ หากไม่มีเงินก็จะให้
ข้าพเจ้าแย้งว่า
พระองค์นี้ได้มาจากการทำบุญราคาถูกมาก จะดีกว่าพระองค์ที่มีราคาแพงๆ ได้อย่างไร ?
มารดาบอกว่า
พระองค์ราคาแพงมีพุทธคุณสูง มีลักษณะพลังงานแบบสายน้ำที่ไหลเรื่อยๆ มาไม่ขาดสาย
แต่พระองค์ที่เลือกให้ (พระเครื่องของหลวงปู่ดู่)
มีพุทธคุณสูงสุด มีพลังงานเหมือนกับน้ำตกที่ไหลแรงมาก
และไม่ขาดสายเช่นกัน
ข้าพเจ้ายังไม่เชื่อว่ามารดาจะตรวจสอบพุทธคุณได้จริงๆ
จึงได้ไปยืมพระเครื่องที่มีราคาเช่าหาในหลักแสนมา 2 องค์
ให้มารดาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง ปรากฏว่ามารดาก็ยังยืนยันเหมือนเช่นเดิม
แต่ข้าพเจ้าก็ยังแคลงใจ จึงได้พิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง
โดยนำกล่องใส่พระที่ปิดสนิท 3 กล่อง
- กล่องที่ 1 บรรจุพระเครื่องของหลวงปู่ดู่
- กล่องที่ 2 บรรจุพระเก่าราคาแพง
- กล่องที่ 3 บรรจุเม็ดลูกอมกิมจ๊อ
ไม่สามารถมองเห็นว่าข้างในกล่องมีอะไร
แม้แต่ข้าพเจ้าเองก็ไม่ทราบ เพราะได้วางสลับไปสลับมาจนตัวเองก็งง
มารดาได้ยกกล่องใส่พนมมือทีละกล่อง โดยบอกว่า
กล่องนี้มีพระองค์ที่มีพุทธคุณเยี่ยมยอด(พระเครื่องของหลวงปู่ดู่)
ส่วนกล่องนี้พุทธคุณเบาบางมาก ( พระเก่า )
อีกกล่องท่านได้โยนทิ้งถังขยะ
กล่องที่ถูกทิ้งถังขยะเป็นกล่องที่บรรจุเม็ดลูกอมกิมจ๊อ
จึงทำให้ข้าพเจ้าเริ่มเชื่อสนิทใจว่า
มารดาตรวจสอบพุทธคุณได้จริง และพุทธคุณมีจริง
จากจุดนี้ทำให้ผู้เขียนเสาะหาพระเครื่อง
ที่ปลุกเสกโดย หลวงปู่ดู่ วัดสะแก มาโดยตลอด
ต่อมาได้อ่านหนังสือ พระผู้จุดประทีปในดวงใจ
ทำให้สนใจเริ่มค้นคว้าคำสั่งสอนของพระพุทธองค์อย่างจริงจัง
และนำมาปฏิบัติธรรม จึงขอสนับสนุนแนวทางที่ หลวงปู่ดู่ วางไว้ว่า
ติดวัตถุมงคล
ดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล
เมื่อสามารถฝึกจิตตนเองและปฏิบัติธรรมได้อย่างจริงจังแล้ว
ก็จะค้นพบของดีวิเศษในตนเอง
ข้อมูลจาก ตามรอยธรรม ย้ำรอยครู
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น